จากปัญหาราคาราคาก๊าซหุงต้ม ที่มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ต่างอะไรกับราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน จากการที่รายจ่ายเพิ่มขึ้นในขณะที่รายรับเท่าเดิม โดยล่าสุดราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือน ขนาด 15 กิโลกรัม ขณะนี้ราคาปรับขึ้นถึงราคาถังละ 450 บาท ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร และประชาชนหลายครัวเรือน กำลังปรับตัวหันมาใช้เต่าถ่านกันมากขึ้น เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มพูนขึ้นมา

ขณะที่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ร้านทองสวัสดิ์ ตั้งอยู่ที่ ถ.พระปกเกล้า ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านขายเตาถ่านเก่าแก่เปิดขายมาหลายสิบปี พบว่า ได้มีการนำเตาถ่านมาตั้งบริเวณหน้าร้าน เพื่อรอจำหน่ายให้กับลูกค้า พร้อมกับถ่านอัดแท่ง โดยราคาเตาถ่านก็มีตั้งแต่ขนาดเล็กราคา 130 บาท ไปจนถึงเตาถ่านขนาดใหญ่ ราคา 1,400 บาท ที่ร้านค้าร้านอาหาร นิยมนำไปใช้กัน

ทางด้าน น.ส.วราลักษณ์ เจ้าของร้านทองสวัสดิ์ บอกว่า ภายหลังจากที่ราคาก๊าซหุงต้ม มีการปรับราคาขึ้น ก็พบว่ามีคนมาหาซื้อเตาถ่านไปใช้กันมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มีทั้งกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร และประชาชนทั่วไป โดยที่ร้านก็มีเตาถ่านหลายขนาดตั้งแต่เบอร์ 1-5 จำหน่าย และมีราคาตั้งแต่ 100 กว่าบาท ไปจนถึงเตาขนาดใหญ่ ราคา 1,400 บาท ที่ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อก็จะเป็นกลุ่มร้านอาหาร ที่จะนำไปใช้ค้าขาย ที่ในขณะนี้ยังสามารถจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง

โดยในส่วนของอายุการใช้งานของเตาถ่านนั้นก็สามารถใช้งานได้ 2-3 ปี และที่ร้านก็มีอะไหล่จำหน่ายในกรณีที่เกิดการชำรุด เช่น ลิ้นเตา ที่สามารถนำไปเปลี่ยนได้และทำให้เตาสามารถใช้งานได้นานขึ้นหากคนซื้อไปรู้จักซ่อมแซม นอกจากนี้ในส่วนของถ่านที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงก็มีตั้งแต่ถ่านไม้ธรรมชาติ และถ่านอัด ที่สามารถใช้งานได้นานขึ้น

น.ส.วราลักษณ์ บอกอีกว่า หลังจากที่มีการประกาศให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนมาใช้เตาถ่านมากขึ้น ในมุมมองของตนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ประชาชนที่บางรายอาจจะแบกรับเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น และการหันมาใช้เตาถ่านก็เป็นอีกทางเลือก รวมไปถึงเป็นการประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่งด้วย

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ mgoldbergclothier.com